เทรนด์หลัก ๆ ที่โดดเด่นรวมถึง ประสบการณ์ดิจิทัลและผลิตภัณฑ์ การสร้างรายได้จากข้อมูล
และพันธมิตรในระบบนิเวศ
การ์ทเนอร์ อิงค์ เผย 5 อันดับเทรนด์การทำธุรกิจที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตทั่วโลกในปี 2564 และช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในภาวะหยุดชะงักพร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับผู้ผลิต
มิเชล ดูเอิสท์ รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า “การตอบสนองแรกต่อการแพร่ระบาดทั่วโลกของผู้ผลิตหลายรายคือการเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการผลิตจะเป็นแนวทาง
ที่ถูกต้อง แต่นั่นยังไม่เพียงพอ การ์ทเนอร์วิเคราะห์เทรนด์ที่สามารถช่วยซีไอโอและผู้บริหารด้านไอที
ในอุตสาหกรรมการผลิตเตรียมพร้อมกับการหยุดชะงักในอนาคตที่คล้ายคลึงกันได้ในระยะยาวและรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ อาทิ จุดบริการลูกค้าที่ไม่เพียงพอ การเข้าสู่ตลาดหรือสินค้าไลน์ใหม่ ๆ และปัญหาการเงิน
ซีไอโอและผู้บริหารด้านไอทีสามารถสร้างกลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้าได้ โดยประยุกต์ใช้ 5 เทรนด์ธุรกิจดังนี้
เทรนด์ 1: ผสานประสบการณ์ดิจิทัลเข้ากับตัวสินค้า (Digital + Product Experience)
Digital + Product Experience เป็นการผสมผสานระหว่างตัวสินค้าและบริการดิจิทัลเพื่อนำเสนอประสบการณ์ในรูปแบบใหม่อย่างมีเอกลักษณ์ให้แก่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไป การแพร่ระบาดทำให้การสร้างปฏิสัมพันธ์และการติดต่อกับลูกค้ามีข้อจำกัดเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด
และส่งผลกระทบไปทั่วโลก ดังนั้นการผสานรวมเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับตัวสินค้าจะช่วยลดอุปสรรค
ด้านการจัดการแพลตฟอร์มให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงบริการเสริม
แต่ยังสามารถเพิ่มรูปแบบการทำธุรกิจดิจิทัลใหม่ ๆ ให้ผู้ผลิตสามารถรักษาความสัมพันธ์กับผู้บริโภค
ได้อย่างต่อเนื่องหลังการขาย โดยติดต่อแบรนด์ได้มากขึ้นเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ของแบรนด์
นั้น ๆ รวมถึงลูกค้ารายอื่น ๆ และผู้ใช้ที่มีประสบการณ์ดิจิทัล
การ์ทเนอร์คาดการณ์ในปี 2568 บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ 50 อันดับแรกจะลงทุน
ในแอปของแบรนด์ตนเองโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และฝังเทคโนโลยีลงไปในสินค้า
เพิ่มวิดีโอที่เป็นหนึ่งในข้อมูลดิจิทัล และ/หรือ ผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับไอทีและทีมวิจัยและพัฒนา
เทรนด์ 2: ประสบการณ์ครบ จบในทีเดียว (Total Experience)
Total Experience คือ วิธีการที่ซีไอโอและผู้บริหารด้านไอทีใช้เทคโนโลยีและการโต้ตอบเพื่อ
เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ พร้อมมอบอำนาจและความกล้าในการตัดสินใจให้แก่ทั้งลูกค้าและพนักงานเพื่อใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งการใช้แนวทางดังกล่าวนี้ ผู้บริหารด้านไอทีสามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับเชื่อมต่อกับลูกค้า พันธมิตรและพนักงาน ตัวอย่างเช่น พนักงาน
ที่มีบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญแบรนด์หรือเจ้าหน้าที่ให้บริการลูกค้าและตอบคำถามต่าง ๆ
การ์ทเนอร์คาดการณ์ในปี 2567 องค์กรที่มุ่งเน้น Total Experience จะทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่ง
25% โดยเฉลี่ย จากการวัดความพึงพอใจของลูกค้าและพนักงาน
เทรนด์ 3: ความร่วมมือของพันธมิตรในระบบนิเวศ (Ecosystem Partnerships)
องค์กรระดับโลกหลายรายสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในระบบนิเวศสร้างโอกาสการเติบโต
ที่มากกว่าและไม่จำกัดอยู่ในตลาดขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมแต่ยังรวมไปถึงตลาดที่กำลังพัฒนา
ในอุตสาหกรรมการผลิตการร่วมมือในระบบนิเวศสามารถสร้างสรรค์ไอเดียเพื่อริเริ่มอะไรใหม่ ๆ
ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อโลก เปิดโอกาสให้ชุมชนใหม่ ๆ ที่ยังพัฒนาได้อีกและยังเข้าไม่ถึงโอกาส และลดการปล่อยมลพิษผ่านการทำงานระยะไกล
การ์ทเนอร์คาดการณ์ในปี 2567 75% ของบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ 20 อันดับแรก
จะจับมือร่วมกันในระบบนิเวศที่มุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตและสร้างความยั่งยืน
เทรนด์ 4: การสร้างรายได้จากข้อมูล (Data Monetization)
Data Monetization ช่วยซีไอโอและผู้บริหารด้านไอทีในอุตสาหกรรมการผลิตวางแผนเพิ่มรายได้
จากการแปลงสินค้าและให้บริการในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็วขององค์กรภาคการผลิตจะเกิดการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ผู้บริหารด้านไอทีสามารถแบ่งปันและสร้างรายได้เพิ่มจากข้อมูลจำนวนมหาศาลนี้ผ่านเครือข่ายระบบนิเวศขององค์กร ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยให้สามารถแปลงข้อมูลเป็นทรัพย์สินและสร้างบริการใหม่ ๆ หรือนำองค์กรไปสู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องแม้ธุรกิจจะหยุดชะงักจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ความท้าทายในด้านห่วงโซ่อุปทาน หรือการขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์
การ์ทเนอร์คาดการณ์ภายในสิ้นปี 2567 ครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์ขององค์กรภาคการผลิตขนาดใหญ่ระดับโลกจะประสบความสำเร็จจากการสร้างรายได้ด้วยข้อมูล
เทรนด์ 5: การให้บริการผ่านอุปกรณ์ (EaaS)
Equipment as a Service (หรือ EaaS) เป็นโมเดลเชิงพานิชย์ที่หลายธุรกิจใช้สำหรับชำระ
ค่าธรรมเนียมในขั้นตอนการดำเนินงานของสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำแทนที่การจัดซื้ออุปกรณ์
รูปแบบลักษณะนี้ซีไอโอจะฝังเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เพื่อใช้ประโยชน์จากการออกแบบทั่วไปและปรับเฟรมเวิร์กให้เข้ากับอุตสาหกรรมเพื่อให้แน่ใจในประสิทธิภาพของสินทรัพย์และค้นหาทางแก้ไขในสินทรัพย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ
การ์ทเนอร์คาดว่าในปี 2566 20% ของผู้ผลิตเครื่องมือในอุตสาหกรรมจะสนับสนุนการให้บริการ
ผ่านอุปกรณ์ (EaaS) ด้วยการเพิ่มความสามารถการควบคุมอุตสาหกรรมระยะไกล (Industrial IoT) จากโรงงานที่เป็นฐานการผลิต ณ ปัจจุบันที่แทบจะเป็นศูนย์
ลูกค้าการ์ทเนอร์สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากรายงาน “Top 5 Strategic Business Trends in Manufacturing Industries for 2021”
บทวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเตรียมพร้อมและรับมือของซีไอโอและผู้บริหารด้านไอทีต่ออุปสรรคและค้นพบเครื่องมือการวางแผน กลยุทธ์ธุรกิจดิจิทัลพร้อมเทคนิคในการสร้างความสำเร็จอย่าง
ต่อเนื่องให้กับองค์กรภายในงาน Gartner IT Symposium/Xpo 2021 งานสัมมนาระดับโลกที่สำคัญที่สุดสำหรับซีไอโอ ผู้บริหารและทีมงานด้านไอที เพื่อให้รับทราบถึงข้อมูลเชิงลึกและแนวทางที่องค์กร
จะสามารถใช้ไอทีพิชิตปัญหาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ติดตามข้อมูลข่าวสารจากสัมมนาบน Twitter โดยใช้แฮชแท็ค #GartnerSYM.
วันและสถานที่จัดงาน Gartner IT Symposium/Xpo ดังนี้:
19-21 ตุลาคม ออร์แลนโด ฟลอริด้า
25-27 ตุลาคม ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
8-11 พฤศจิกายน บาร์เซโลนา สเปน
16-18 พฤศจิกายน โตเกียว ญี่ปุ่น
30 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม อินเดีย เวอชวล