Gartner

Gartner Survey Finds Only 29% of IT Workers Have High Intent to Stay With Current Employer

ผลสำรวจล่าสุดจากการ์ทเนอร์เผย บุคลากรไอทีที่ตั้งใจทำงานต่อกับนายจ้างเดิมมีเพียง 29% เท่านั้น!

Survey Results Point to Looming IT Talent Retention Issues for CIOs

IT workers are more inclined to quit their jobs than employees in other functions, with a 10.2% lower intent to stay than non-IT employees — the lowest out of all corporate functions, according to a survey by Gartner, Inc.

Gartner surveyed 18,000 employees globally in Q4 2021, including 1,755 employees in the IT function. Responses were collected monthly across 40 different countries in 15 languages.

Graham-Waller“While talent retention is a common C-level concern, CIOs are at the epicenter, with a huge chunk of their workforce at risk,” said Graham Waller, vice president and distinguished analyst at Gartner. “We’ve heard of IT organizations implementing back-to-the-office policies only to face mass resignations and have to reverse course. CIOs may need to advocate for more flexibility in work design than the rest of the enterprise, as IT employees are more likely to leave, in greater demand and more adept at remote working than most other employees.”

Globally, only 29.1% of IT workers have high intent to stay with their current employer, but the number is much lower in Asia (19.6%), Australia and New Zealand (23.6%) and Latin America (26.9%). Even in Europe, the best performing region, only four in 10 IT workers (38.8%) have high intent to stay.

The IT talent retention challenge varies by age group and region. For example, IT workers aged under 30 report two and a half times less likelihood to stay than those over 50. Only 19.9% of IT workers who are 18 to 29 have a high likelihood to stay, compared to 48.1% of those aged 50-70 years.

Data shows that more flexible and human-centric work policies can reduce attrition and increase performance. In a 2021 Gartner survey of 3,000 employees across a wide range of industries, functions and geographies, 65% of IT employees said that whether they can work flexibly will impact their decision to stay at the organization.

Gartner analysts said that CIOs should use a data-driven approach to identify workers who are most at risk and most valuable, and tailor hybrid work policies to keep them engaged and high-performing.

A human-centric work model can improve talent and business outcomes. To achieve it, Gartner advises CIOs to rethink outdated assumptions about work that are unnecessarily limiting, including:

  • Working hours — Progressive enterprises are empowering people and teams to decide when they do their best work and pioneering new schedules such as the four-day week.
  • Office centricity — The pandemic shattered the myth that employees can only get real work done in an office where managers can see them. Most organizations are now planning for a hybrid future that recognizes employees can be fully productive remotely for ‘heads-down’ work, while the office is best suited for certain work activities such as human connection and collaboration.
  • Meetings — The culture of meetings started in the 1950s when people had to come together physically to make decisions. Now, asynchronous and synchronous collaboration tools enable distributed decisioning making, collaboration and creativity.

“CIOs who adopt a human-centric work design will out-hire, out-retain and out-perform those that revert back to industrial-era work paradigms,” said Waller.

The Gartner Global Labor Market Survey is made up of more than 18,000 employees in 40 countries, including 1,755 employees in the IT function in Q421. The data above is reflective of market conditions during the quarter. Learn about the top priorities for CIOs in 2022 in the 2022 Leadership Vision for Chief Information Officers.

ชี้ชัดการรักษาทีมงานไอทีระดับหัวกะทิกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของผู้บริหารไอที

การ์ทเนอร์เผยผลสำรวจล่าสุด พบพนักงานสายไอทีมีแนวโน้มลาออกจากงานที่ทำอยู่มากกว่าพนักงานสายอื่น ๆ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับพนักงานสายอื่น ๆ กลุ่มไอทีมีความตั้งใจอยู่ต่อกับองค์กรเดิมน้อยกว่าถึง 10.2% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดของทุกสายงานทั้งหมดขององค์กร

การ์ทเนอร์ได้สำรวจลูกจ้างจำนวน 18,000 คนทั่วโลก ช่วงไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นพนักงานในสายงานไอทีจำนวน 1,755 คน โดยได้รวบรวมคำตอบเป็นรายเดือนจาก 40 ประเทศ ใน 15 ภาษา

Gartner Survey Finds Only 29% of IT Workers

เกรแฮม วอลเลอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยและนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “การรักษาพนักงานที่มีความสามารถให้ทำงานต่อกับองค์กรเป็นเรื่องน่ากังวลของผู้บริหารระดับสูง และเป็นปัญหามาอย่างยาวนานของผู้บริหารด้านไอที (CIOs) เนื่องจากทีมงานของพวกเขาจำนวนมากสุ่มเสี่ยงที่จะลาออก เรารู้ว่าบริษัทไอทีที่นำนโยบายการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศมาใช้ต้องพบกับปัญหาการลาออกของทีมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องกลับมาทบทวนถึงการใช้แนวทางดังกล่าว ผู้บริหารไอทีอาจต้องปรับรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าแผนกอื่น ๆ ในองค์กร เนื่องจากแนวโน้มที่พนักงานไอทีจะลาออกนั้นมีสูงกว่า และเชี่ยวชาญการทำงานผ่านระยะไกลมากกว่าพนักงานส่วนใหญ่”

เพียง 29.1% ของพนักงานไอทีทั่วโลกเท่านั้นที่มีความตั้งใจทำงานต่อกับนายจ้างปัจจุบัน ยิ่งในเอเชียมีตัวเลขที่ต่ำมากเพียง (19.6%) ขณะที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อยู่ที่ (23.6%) และละตินอเมริกาที่ (26.9%) หรือแม้แต่ในยุโรป ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด กลับพบว่ามีพนักงานไอทีเพียง 4 ใน 10 คน (38.8%) ที่ตั้งใจอยู่กับองค์กรเดิม

ความท้าทายในการรักษาทีมงานไอทีระดับหัวกะทิแตกต่างกันไปตามกลุ่มอายุและภูมิภาค ตัวอย่างเช่น พนักงานไอทีที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ตามรายงานระบุว่ามีโอกาสที่จะทำงานต่อกับที่เดิมมีน้อยกว่ากลุ่มที่อายุมากกว่า 50 ปีถึง 2 เท่าครึ่ง ในขณะที่เพียง 19.9% ของพนักงานกลุ่มอายุ 18-29 ปี เท่านั้น ที่ตั้งใจทำงานต่อในองค์กรเดิมสูง เมื่อเทียบกับ 48.1% ของพนักงานที่มีอายุ 50-70 ปี

ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นและยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centric) สามารถลดปัญหาการลาออกและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ เมื่อปี พ.ศ. 2564 การ์ทเนอร์ได้สำรวจพนักงาน 3,000 คน ครอบคลุมอุตสาหกรรม สายงาน และภูมิภาคต่าง ๆ  พบว่า 65% ของพนักงานไอทีบอกว่าการทำงานที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวส่งผลต่อการตัดสินใจอยู่ทำงานต่อกับองค์กร

นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ผู้บริหารไอทีควรใช้แนวทาง Data-Driven วิเคราะห์พนักงานที่สุ่มเสี่ยงต่อการลาออกและระบุว่าใครมีคุณค่าต่อองค์กรมากที่สุด พร้อมปรับนโยบายการทำงานให้มีความผสมผสานเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มประสิทธิภาพในหมู่พนักงานให้สูงขึ้น

รูปแบบการทำงานที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human - Centric)รูปแบบการทำงานที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human – Centric) สามารถช่วยพัฒนาต่อยอดความสามารถของทีมงานระดับหัวกะทิรวมถึงสร้างผลตอบแทนให้ธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การ์ทเนอร์แนะนำให้ผู้บริหารไอทีทบทวนถึงประเด็นต่าง ๆ ของรูปแบบการทำงานที่ล้าสมัย และจำกัดความก้าวหน้าขององค์กรโดยไม่มีความจำเป็น ดังต่อไปนี้:

  • ชั่วโมงการทำงาน (Working hours) — องค์กรหัวก้าวหน้าจะสนับสนุนให้พนักงานและทีมงานตัดสินใจเองว่าเวลาใดที่จะทำงานออกมาได้ดีที่สุด รวมทั้งจัดตารางทำงานใหม่ที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง เช่น การทำงานสัปดาห์ละสี่วัน
  • การทำงานที่ออฟฟิศ (Office centricity) — การระบาดใหญ่ได้ทลายความเชื่อการทำงานเดิม ๆ ที่ทุกคนจะทำงานได้จริงและออกมาดีต้องมาออฟฟิศ และมีหัวหน้างานคอยสอดส่องดูแลช่วยเหลือควบคุมความคืบหน้าของงาน ปัจจุบันองค์กรธุรกิจส่วนใหญ่กำลังวางแผนปรับโหมดการทำงานไปสู่ไฮบริดเพื่อรองรับการทำงานในอนาคต และเข้าใจว่าพนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจากระยะไกล สำหรับงานที่ต้องใช้ ‘สมาธิ’ ขณะที่ออฟฟิศยังเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับทำกิจกรรมร่วมกันบางอย่าง อาทิ สำหรับสร้างความสัมพันธ์และทำงานร่วมกัน
  • การประชุม ประชุม และประชุม (Meetings) — วัฒนธรรมการประชุมเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2493 โดยเป็นการนำผู้คนมารวมตัวกันเพื่อตัดสินใจบางเรื่อง แต่ตอนนี้มีเครื่องมือการทำงานร่วมกันทั้งแบบต่างและเหมือนกันที่ช่วยให้ทีมสามารถตัดสินใจ ทำงานร่วมกัน และแชร์ความคิดสร้างสรรค์ในแบบกระจายศูนย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

“ผู้บริหารไอทีที่นำแนวทางการทำงานแบบยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centric) มาปรับใช้จะสามารถหลุดพ้นจากกรอบเดิม ๆ ทั้งในเรื่องของการจ้างงาน การรักษาบุคลากร และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่หวนกลับไปสู่กระบวนทัศน์ต่าง ๆ ของการทำงานยุคอุตสาหกรรม” วอลเลอร์กล่าวสรุป

ข้อมูลการสำรวจตลาดแรงงานทั่วโลก (Global Labor Market Survey) ของการ์ทเนอร์ รวบรวมและสรุปคำตอบมาจากพนักงานมากกว่า 18,000 คนใน 40 ประเทศ ซึ่งเป็นพนักงานสายไอที จำนวน 1,755 คน ณ ไตรมาสที่ 4 ปี พ.ศ. 2564 โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะตลาดแรงงานรายไตรมาส เรียนรู้ด้านการจัดลำดับความสำคัญสูงสุดสำหรับผู้บริหารไอทีในปี 2565 ได้ที่ 2022 Leadership Vision for Chief Information Officers.